วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวรอบเชียงใหม่



จริงๆ ก็ไล่มาตั้งแต่ลำปาง เข้าแจ้ซ้อน ข้ามดอยม่อนล้านเขตต่อแดนของเชียงใหม่กับลำปาง แล้วขึ้นอินทนนท์ ไปขุนวาง เข้า บ.แม่เกี๋ยง เลาะออกแม่แฮ- บ่อแก้ว เข้าบ้านวัดจันทร์ ออกห้วยน้ำดัง เข้าดอยสามหมื่น แล่นอ้อมดอยหลวงเชียงดาว มาออกเวียงแหง แล้วไปชายแดนที่เปียงหลวง ก่อนจะเลาะดอยถ้วย เข้าอรุโณทัย ขึ้นดอยอ่างขาง ไปเยี่ยมครูเรียมที่โรงเรียนบ้านขอบด้ง แล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพ โดยมากางเต็นท์พักแรมที่อุทยานฯดอยจง อ.สบปราบ ลำปาง เป็นจุดสุดท้ายก่อนจะกลับกรุงเทพ
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากจนต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง นับตั้งแต่ที่บ้านแม่กำปอง อ. แม่ออน เชียงใหม่ ที่เราว่าเป็นโฮมสเตย์ที่เป็นวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวบ้าน เดี๋ยวนี้ก็มีนายทุนเข้าไปซื้อที่ต่อจากชาวบ้าน ทำเป็นที่พักแบบรีสอร์ทแล้ว จากวิถีบ้านๆ เดี๋ยวนี้ชักไม่ใช่แล้วครับ
ปีนี้ที่ดอยอินทนนท์เขาจัดระบบใหม่คือถ้านักท่องเที่ยวจะกางเต็นท์ที่ลานกางเต็นท์ดงสน ต้องย้อนกลับไปเสียค่าธรรมเนียมตรงที่ทำการแล้วย้อนกลับมาที่ดงสนอีกที สรุปว่าต้องวิ่งย้อนไปย้อนมา ผมก็ถามว่าทำไมไม่ขายตั๋วค่าธรรมเนียมที่ดงสนเหมือนก่อนๆ ซะเลย นักท่องเที่ยวจะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมา ยิ่งถ้าคนที่เขามารถโดยสารก็ต้องเดินกลับไปกลับมา เพิ่มความลำบากซะเปล่าๆ เจ้าหน้าที่ตอบว่า ที่ดงสนเป็นเจ้าหน้าที่เวรยามธรรมดา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว ฟังคำตอบก็ตลกไม่ออก ก็แต่งตั้งให้เขาเป็นคนขายตั๋วค่าธรรมเนียมไปเลยไม่เห็นยาก แต่ก่อนยังทำได้ แล้วก็อยู่ในอำนาจที่หัวหน้าอุทยานฯจะทำได้ ทำแบบนี้สะดวกอุทยานฯแต่ไม่สะดวกนักท่องเที่ยวเลย ปัญหาหยุมหยิม ทางอุทยานฯก็สร้างเงื่อนไขบ้าบอขึ้นมาซะอย่างนั้น
ธรรมดาถ้าเป็นเหตุปกติของดินฟ้าอากาศ ระหว่างทางจากดอยอินทนนท์ไปขุนวางจะเห็นต้นพญาเสือโคร่งออกดอกเป็นระยะๆ ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สวยงามเส้นทางหนึ่ง แต่ปีนี้ผิดคาดมาก มีทั้งดอกที่ร่วงแล้ว แตกใบแล้วและกำลังบาน แม้กระทั่งที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง)เอง ปีนี้แทบไม่มีดอกพญาเสือโคร่งให้เห็น ผมเลยขึ้นไปดูที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(แม่จอนหลวง) สภาพก็ไม่ต่างกัน เมเปิ้ลยังเขียวสด แต่ทิวทัศน์นั้นยังคงสวยงามเช่นเดิม เจ้าหน้าที่ก็โอภาปราศรัยดีมาก
ถนนสายขุนวาง-แม่เกี๋ยงลาดยางเหมาะกับการขับรถเที่ยว ป่าสองฝั่งทางดูสวยงาม จนไปถึงโครงการหลวงแม่แฮและย่านใกล้เคียงที่เดี๋ยวนี้สตรอว์เบอรี่ชาวบ้านปลูกกันเยอะมาก เก็บมาสดๆ จากสวน ลูกย่อมกว่าไข่ไก่นิดเดียว ขายกิโลกรัมละ 50 บาทเอง ผู้ร่วมคณะผมซื้อใส่รถไว้เพียบเพราะถูกและสด รสชาติดีมาก แต่ก็เริ่มเห็นป่าที่ถูกถางหลายแห่ง ตามริมถนนป่ายังดูทึบ แต่ลองเดินเข้าไปนิดเดียวจะเห็นภูเขาโล่งๆ ถูกถางเตรียมปลูกพืชไร่สารพัน ผมขับซอกแซกจนมาถึงบ้านบ่อแก้ว เหมืองแร่ที่ผมเคยเห็นมาแต่ครั้งเป็นนักศึกษา ทุกวันนี้ก็ยังคงทำการอยู่ รวมทั้งไร่สตรอว์เบอรี่มากมายจนขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตผลไม้ชนิดนี้มากสุดในเชียงใหม่
จากบ่อแก้วผมขับรถไปบ้านวัดจันทร์ ถนนกำลังขยายจะให้ไปถึง อ.กัลยาณิวัฒนา แต่ยังทำไปไม่ตลอดสาย ช่วงที่เป็นถนนเดิมที่เป็นทางลูกรังเก่า ทั้งฝุ่น ทั้งหลุมตลอดทาง แต่ที่อนาถใจคือมีการตัดต้นสนตลอดแนวที่สายไฟฟ้ากำลังจะพาดผ่าน ต้นสนถูกตัดแล้วทิ้งไว้ข้างทาง กว่าจะถึงบ้านวัดจันทร์ ผมว่าเราเสียต้นสนทั้งต้นใหญ่ต้นเล็กไปมากมาย ทำไมไม่มีการวางแผนที่ดีกว่านี้ เดี๋ยวถนนขยายมาถึง ต้นสนจะถูกตัดอีกนับไม่ถ้วน ป่าสนจะเหี้ยนจนบ้านวัดจันทร์อาจไม่ใช่ป่าสนที่มากสุดอีกต่อไป
จากบ้านวัดจันทร์ผมมุ่งหน้าเข้าห้วยน้ำดังไปจนถึงดอยสามหมื่น ป่าถูกถางและเผาเพื่อเอาพื้นที่ทำไร่ ต้องขับรถฝ่าควันไฟริมทางหลายครั้ง หน่วยจัดการต้นน้ำดอยสามหมื่นดูเงียบเหงา เมเปิ้ลที่ในหลวงและพระราชินีทรงปลูกไว้หน้าสำนักงาน ปีนี้ใบก็แดงไม่สม่ำเสมอกัน ผิดกับป่าเต็งรังสองข้างทางมาเวียงแหงที่กำลังจะผลัดใบ ป่าจึงมีสีสันสวยงามตลอดทาง ทางเส้นนี้ถูกขยายขึ้นมาก สภาพทางดีแต่คดโค้งและเลียบเหวข้างทางหลายแห่ง ในอดีตเป็นเส้นทางเปลี่ยวและใช้ลำเลียงยาบ้า
เวียงแหงเป็นอำเภอชายแดนที่ติดกับพม่า จึงมีข่าวคนต่างด้าวเข้ามาสวมทำบัตรประชาชนโดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง พระธาตุแสนไห สวยงามและโดดเด่นสมเป็นโบราณสถานมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวร ส่วนบ้านเปียงหลวงนั้น วันนี้ช่องหลักแต่งที่เคยเป็นช่องทางยกทัพของสมเด็จพระนเรศวรเข้าพม่า ถูกปิดร้าง ไม่มีเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝั่งมาประจำอีกแล้ว วัดฟ้าเวียงอินทร์กำลังถูกตกแต่งพระธาตุให้สวยงาม อีกไม่นานจะเป็นพระธาตุที่สวยงามทีเดียว
เลาะผ่านดอยถ้วยที่เป็นต้นธารของแม่น้ำปิงแล้วใจหาย ป่าต้นน้ำหายไปมาก การเกษตรรุกพื้นที่ป่าจนดูเหมือนไม่มีการควบคุม หมู่บ้านขยายขึ้นทุกแห่ง ที่สำคัญธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่รุกเข้าไปแม้ในป่าดง การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงกำลังแพร่หลายแม้บนดอยต้นน้ำเจ้าพระยา
จุดกางเต็นท์ที่กิ่วลมของดอยอ่างขาง อบต.ม่อนปิง เก็บค่ากางเต็นท์หลังละ 70 บาท โหดกว่าอุทยานแห่งชาติมาก ไปกางเต็นท์ที่ฐานทหารบ้านนอแลดีกว่าไม่ต้องถูกขูดรีด
ส่วนที่โรงเรียนบ้านขอบด้ง ครูเรียม สิงห์ทร ยังคงทำหน้าที่ดูแลเด็กๆ ตามที่ในหลวงทรงฝากฝังไว้อย่างขมีขมัน เด็กๆ ร้องเพลงชาติไทยและเพลงสดุดีมหาราชาอย่างสุดเสียงจนผมขนลุก ไม่ต่างอะไรกับฐานทหารที่บ้านนอแล ทุกเช้าเมื่อทหารเข้าแถวเคารพธงชาติ จะมีสุนัข 1 ตัว มาหอนคู่ไปด้วย จนถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ว่าพอจะแปดโมงเช้า ต้องมาดูหมาร่วมร้องเพลงชาติ ภาพของทหารม้าจาก ม.พัน 1 รอ. จากสนามเป้า กรุงเทพฯ ที่ไปประจำที่นั่น ยืนเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติพร้อมกับนักท่องเที่ยว โดยมีสุนัขในฐานตัวนี้ร่วมร้องทุกเช้า(นักท่องเที่ยวต้องไม่ให้อาหารเขาก่อนเคารพธงชาติ ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มาร่วมร้องให้ดู ) ภาพเหล่านี้จะปลุกสำนึกรักชาติ เคารพบรรพบุรุษ สำนึกในสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่หาใช่สุขสบาย หากแต่ทรงทำทุกอย่างเพื่อประเทศนี้มาตลอดทุกรัชกาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น