ร้านกาแฟเล็กๆ ที่เปิดได้ไม่ถึงสองเดือนกลายเป็นจุดนัดพบของคนรักกาแฟไปแล้วในนาม Gallery กาแฟดริป
Gallery กาแฟดริป ต้อนรับคอกาแฟด้วยกาแฟคุณภาพดีจากหลายประเทศที่นำมาบดใหม่ๆ ด้วยเครื่องบดมือ ผ่านการชงด้วยวิธีดริป (drip) โดยใช้น้ำร้อนค่อยเทผ่านเมล็ดกาแฟบดที่วางบนแผ่นกรอง น้ำกาแฟจะค่อยๆ หยดผ่านแผ่นกรอง ใช้เวลา 3-4 นาที ซึ่งในระหว่างนั้นกาแฟจะส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วร้าน
เสน่ห์ของกาแฟดริป คือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ สองช่างภาพฝีมือดี ณัฎฐ์ฐิติ อำไพวรรณ และ ปิยชาติ ไตรถาวร ตัดสินใจที่จะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีกาแฟดีๆ ให้ดื่มกันในราคาที่คู่ควร
ณัฎฐ์ฐิติ บอกกับเราว่า เขาดื่มกาแฟกับ ปิยชาติ มาเป็นเวลานานเกือบยี่สิบปีได้ ตั้งแต่กาแฟสำเร็จรูป พัฒนามาเป็นกาแฟสด ร้านกาแฟชื่อดังเปิดที่ไหนก็ลองไปชิม
" เพราะเราชอบกาแฟ เรากินกาแฟมากขึ้น ศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงหลังเลยหันมาชงกาแฟดื่มเอง แรกๆ ใช้หม้อต้มกาแฟธรรมดา หลังๆ มาได้เจอเครื่องบดกาแฟมือหมุน ไปบิด (ประมูล) มาจากต่างประเทศ ทำให้เราได้รู้จัดเครื่องบดกาแฟที่ทำออกมาตั้งแต่ยุค 50 -60 มาถึงตอนนี้อายุร่วม 60 ปี แต่มันยังดีอยู่และใช้งานได้ดี
เครื่องบดกาแฟมือหมุนส่งผลต่อการกินกาแฟของพวกผมมาก จากที่เคยกินกาแฟตามร้าน เราไม่รู้หรอกว่าร้านไหนดี แค่ชิมแล้วรู้ว่าอร่อย การมีเครื่องบดมือเหมือนเป็นการเปิดโลกกาแฟ จากที่เคยซื้อกาแฟที่คั่วบดแล้วมาชง เมื่อมาซื้อกาแฟเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วบดเอง ทำให้เรารู้ว่ารสชาติมันต่างกันมากเลย
พอมีเครื่องบดปุ๊บเราก็มีโอกาสที่จะซื้อกาแฟเม็ดที่คั่วแล้วมาบดกินเองมากขึ้น ทำให้เราไปคลุกคลีกับคนในวงการกาแฟหลายคนตั้งแต่คนปลูก คนคั่ว เหมือนเราหลงรักกาแฟเราก็อยากลองไปดูไร่กาแฟ อยากไปรู้ไปเห็นเกี่ยวกับกาแฟ ทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงกาแฟดีๆ ในราคาถูกเยอะขึ้น "
ด้วยเหตุนี้ ณัฎฐ์ฐิติ กับ ปิยชาติ จึงมีความคิดที่อยากมีร้านกาแฟของตัวเอง
"อยู่มาวันหนึ่งหอศิลป์แห่งกรุงเทพมหานครเปิดโอกาสให้เสนอโครงการ ให้คนหน้าใหม่ที่เป็นอาร์ทิสต์ หน้าใหม่มาเสนอโครงการ ถ้าหอศิลป์ไม่ให้โอกาสคนหน้าใหม่ เปิดโอกาสเข้ามาทำ ร้านนี้อาจไม่เกิดขึ้น อาจตกเป็นของกิจการรายใหญ่ก็ได้
ผมเขียนโครงการเสนอว่าผมเป็นช่างภาพ ไม่ใช่พ่อค้า เราอยากทำร้านกาแฟที่ดีสักร้าน เป็นที่รวมคนในวงการกาแฟ ฝันว่าร้านนี้จะเป็นร้านที่ดึงดูดคนที่ชอบดื่มกาแฟ คนที่รู้เรื่องกาแฟ และคนที่รู้เรื่องเครื่องบดมือด้วยเข้ามา คนที่เข้ามาหอศิลป์ มาชมงานศิลปะ อาจเข้ามาจิบกาแฟที่ค่อนข้างแปลกว่าร้านอื่นสักหน่อย
ขณะเดียวกันผมเป็นช่างภาพ ภายในร้านจึงอยากจัดแสดงผลงานภาพถ่าย พร้อมกับเปิดโอกาสให้คนทำงานศิลปะ เช่น เซรามิค มาใช้พื้นที่จัดแสดงงาน และวางจำหน่าย ซึ่งเบื้องต้นได้คุยกับ อ.วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เอาไว้ว่าจะนำผลงานนักศึกษามาวาง"
ในส่วนของกาแฟ พวกเขาคัดเลือกเมล็ดกาแฟมาจากหลายโรงคั่วในกลุ่มกาแฟอินดี้ ซึ่งแม้จะไม่ใช่กาแฟแบรนด์ใหญ่ของเมืองไทย หากก็เป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพที่ดี
" กาแฟทุกเมนูของเราจะชงด้วยกรรมวิธีดริป ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้อนหรือเย็น ถ้าเป็นคอกาแฟดำ ผมแนะนำให้ลองชิม Single origin เราใช้กาแฟเกรดพรีเมียม มีให้เลือก เช่น Ethiopia Yirgacheff, Kenyan, Colombia Supremo and Rwanda Sacof Rulindo จะดื่มแบบร้อนหรือเย็นก็ได้
ส่วน House blend เราใช้กาแฟดอยช้าง กับ Peaberry กาแฟเย็น เราใช้เป็นกาแฟลาวปนกับกาแฟเชียงราย ที่ดอยลีซูมิ
แต่ถ้าไม่ดื่มกาแฟดำ ผมอยากให้ลองกาแฟเจลลี่ เป็นกาแฟที่ได้จากการดริปนำไปใส่เจลาตินแล้วไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้กาแฟเป็นวุ้น เวลาเสิร์ฟก็นำมาท็อปปิ้งด้วยฟองนมหอมๆ เวลากินใช้หลอด หรือ ช้อนคนเพื่อให้กาแฟกับนมผสมกัน"
สนนราคากาแฟของร้านนี้เริ่มต้นที่ 55 บาท ไปจนถึง 135 บาท มีขนมและเค้กโฮมเมดหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน แวะไปสัมผัสเสน่ห์ของกาแฟดริปได้ทุกวันเว้นวันจันทร์ 10.00 -21.00 น. ชั้น G หอศิลป์แห่งกรุงเทพมหานคร โทร.08 1989 5244, 08 9967 7022
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น