วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รักน่ะ...พังงา



และมีชื่อ พังงา ติดอันดับ 1 ใน 10 ด้วย โดยเขาให้เหตุผลว่า เมืองที่มีความสุขเหล่านี้ จะเป็นเมืองเล็กๆ สงบ มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือยังมีความเป็นชนบทสูงทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ถ้าอย่างนั้น เราลองมาดูจังหวัดเล็กๆ ทางภาคใต้ที่ชื่อพังงากันหน่อยปะไร

พังงา เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ตัวเมืองตั้งอยู่กลางหุบเขาในแนวยาว มี 'เขาช้าง' โดดเด่นเป็นสง่า และเขาหินปูนอีกมากมายในตัวเมือง สามทุ่มเมืองนี้ทั้งเมืองก็เงียบสนิท ร้านรวงปิดกันเกลี้ยง มาจอแจอีกทีก็ช่วงเช้า โดยเฉพาะร้านกาแฟที่
นอกจากจะมีกาแฟแล้วยังมีขนมสารพัดชนิด นัยว่าไว้กินกับกาแฟและโจ๊กร้อนๆ เป็นอาหารเช้า เช้าๆ ร้านกาแฟจึงคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่มื้อกลางวัน ต้องขนมจีนข้างศาลเจ้า นี่คืออาหารคนพังงา เมืองนี้ฝนตกบ่อย หมอกกับเมืองพังงาจึงเหมือนญาติสนิทที่แยกกันไม่ค่อยออก แต่ค่าครองชีพผมว่าออกจะแพงไปสักนิดสำหรับเมืองเล็กๆ อย่างพังงา

พังงาในอดีตเป็นเมืองเล็กเมื่อเทียบกับตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง แต่คราวที่พม่ามาเผาเมืองถลาง พังงากลายเป็นหลักยันให้สร้างเมืองถลางขึ้นมาอีกครั้ง แร่ดีบุกที่มากมาย มีทั้งภูเก็ตและตะกั่วป่า ข้ามพังงาไป ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองเช่นตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกิส ของพ่อค้าวานิช สมัยแร่รุ่งเรือง จึงไม่ค่อยมีให้เห็นในพังงาเท่าที่ภูเก็ตหรือตะกั่วป่า และเพราะเหตุนี้ พังงาจึงยังคงเก็บความเป็นเมืองเงียบสงบ เมืองน่ารัก มาได้จนถึงทุกวันนี้

นอกจากอ่าวพังงาที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินให้ภาคใต้มาช้านาน ก็ดูเหมือนว่าพังงาไม่มีอะไรให้ดูนัก แต่จริงๆ แล้ว ถ้ำพุงช้าง ในตัวเมืองนี่แหละที่ผมว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ถ้ำนี้แม้จะรู้จักกันมานาน แต่ก็เพิ่งมาเปิดและจัดการท่องเที่ยวสักสิบปีมานี่เอง ภูเขาที่เราเห็นเด่นในตัวจังหวัด เรียก เขาช้าง และถ้ำที่ต้องลอดเข้าไปในภูเขาจึงเหมือนเข้าไปในพุงช้าง ถ้ำนี้เป็นอุโมงค์กว้าง สูงใหญ่ มีลำธารน้ำไหลภายใน ในช่วงหน้าฝนมีน้ำตกข้างในด้วย จากปากทางจะนั่งเรือแคนูเข้าไปราว 50 เมตร แล้วนั่งแพไม้ไผ่อีกสัก 50 เมตร หลังจากนั้นจึงเดินไปในอุโมงค์น้ำ มีหินงอกหินย้อย ซากฟอสซิล ค้างคาวตัวเล็ก ถ้ำนี้เลยไม่อับ ไม่เหมือน ตาสนุก เพราะต้องเดินลุยน้ำแค่ตาตุ่มบ้าง เท่าหัวเข่าบ้าง ออกมาจึงสนุกสนานดี

แต่ถ้าอยากเห็นพังงาจากมุมสูง ต้องไม่ลืมเข้าไปที่วัดถ้ำตาปาน ก็ในตัวเมืองนั่นแหละ วัดนี้เขาว่ามีทั้งนรกและสวรรค์ สวรรค์ที่ว่าคือการเดินขึ้นบันไดปูนไปบนยอดเขาเตี้ยๆ ที่ข้างบนมีเจดีย์องค์เล็กๆ จะมองเห็นเมืองพังงาจากบนที่สูง ภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน วันฟ้าใสๆ เห็นเกาะปันหยี ในอ่าวพังงาไดอย่างชัดเจน ส่วนนรกนั้นจะสร้างเป็นรูปปูนปั้น เรื่องราวในเมืองนรก การทำผิดบาปที่ต้องไปชดใช้กรรมในนรก เช่น การปีนต้นงิ้ว มีอีกาปากเหล็กมาจิก มียมทูตเอาหอกแทง กระทะทองแดง สารพัดละครับ ผมว่าน่าไปเดินดูทีเดียว อีกทั้งวัดนี้ยังมีลิงเสน ลิงชนิดไม่มีหาง เดินเหมือนกอลิล่าและมีหน้าแดง

ที่ว่าเหลือไม่กี่ที่ในบ้านเรา ต้องมาดูที่นี่เลย แต่ถ้าเลยออกไปอีกนิดจะเป็นเจดีย์เขาล้างบาศ อยู่บนเนินเล็กๆ ริมเขาเห็นเมืองพังงาในหุบ เจดีย์นี้ไม่มีประวัติว่าใครสร้าง สร้างในโอกาสอะไร แต่เป็นเจดีย์ย่อมุม เก่าแก่ กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้แล้ว ตอนกลางคืนจะมีการแต่งไฟสวยงาม อีกอย่างที่ต้องแนะนำคือ ศาลากลางหลังเก่าของพังงา สร้างเป็นตึกชั้นเดียวทรงปั้นหยา ตรงกึ่งกลางอาคารด้านหน้าต่อเป็นมุขเปิดโล่ง ด้านหน้ามุขมีปี พ.ศ. ที่สร้างเขียนบอกไว้ อาคารมีระเบียงด้านหน้ายาวตลอด ปลายปีกอาคารทั้งสองข้างจัดเป็นห้องโถงใหญ่ เสาทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ฝาผนังก่ออิฐถือปูน พื้นอาคารเป็นไม้เนื้อแข็ง เดิมคงมีหน่วยงานราชการไปใช้ประโยชน์บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เห็นว่ามีการปรับปรุงเพื่อจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แต่ก็ยังไม่เห็นมีอะไร อาคารทาสีเหลืองเข้ม ตัดกันดีกับเขาช้างสีออกโทนน้ำเงิน ขับรถผ่านไปในเมืองแล้วสะดุดตาเชียวละ

แต่ถ้าออกไปนอกเมืองมุ่งหน้าไปทางโคกกลอบ จะเห็นศาลหลักเมืองที่สร้างใหม่ แต่ไหงเป็นแบบปรางค์ก็ไม่รู้ เลยไปไม่ไกลจะเป็นวัดสราภิมุข รัชกาลที่ 5 ครั้งเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ในปี พ.ศ.2414 พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างพระอุโบสถ สถาปัตย์แบบสมัยนิยมในยุคนั้น และสร้างเจดีย์ขึ้นอีก 2 องค์ด้านหลัง แต่อะไรก็ไม่สะดุดตาเท่ากับอาณาบริเวณที่สะอาดสะอ้านและร่มรื่นเป็นอย่างมาก

เลยไปอีกไม่ไกล จะเห็นทางเข้าวนอุทยานน้ำตกมโนราห์ เข้าไป 4 กม. ถึงลานจอดรถ ที่นี่ถ้าเป็นช่วงหน้าน้ำขอบอกว่าสวยงามมากครับ เป็นน้ำตกหินปูน มีหลายชั้นลดหลั่นลงมา มีต้นไม้ใหญ่ ดงเฟิร์นและชั้นน้ำตกที่สูงบ้างเตี้ยบ้าง เสียงน้ำตกที่ไหลจ๊อกแจ๊ก บรรยากาศร่มรื่น ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง อีกทั้งผมเห็นนกกางเขนน้ำหลังแดงที่นี่ด้วย ผมว่าถ้าทางจังหวัดทำเป็นที่กางเต็นท์ซะหน่อยให้ดูปลอดภัย จะดึงคนที่ชอบขับรถท่องเที่ยว เขาอาจมากางเต็นท์ที่นี่ แล้วขับรถเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองที่ห่างกันนิดเดียว พังงาจะเป็นจุดหมายของคนที่ชอบขับรถแคมปิ้งไปเรื่อยๆ ได้แวะค้างพังงาสักคืน ดึงเขาอยู่ได้ ก็ได้เงินจากนักท่องเที่ยวละครับ

ที่สุดท้ายที่ต้องบอกกันคือ วัดสุวรรณคูหา ผมว่าไกด์ที่พานักท่องเที่ยวไป ทางวัดอาจจะต้องเข้มงวดและจัดระบบสักหน่อย ที่นี่กลุ่มทัวร์มักจะแวะเมื่อกลับจากล่องแก่งที่น้ำตกโตนปริวัตร ก่อนจะเข้าเมืองภูเก็ต นักท่องเที่ยวจึงมีทั้งนุ่งกางเกงขาสั้นจนถึงแก้มก้น ขีดเขียนผนังถ้ำจนเลอะเทอะไปหมด ป่ายปีนหินงอกหินย้อย หรือแม้กระทั่งเอาหินขว้างค้างคาวที่ห้อยหัวบนเพดานถ้ำก็มี ภาพเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นในวัด แม้จะเป็นวัดท่องเที่ยวก็ตาม วัดจะเห็นแก่รายได้แค่การขายตั๋ว 20 บาท แล้วทำลายความศรัทธา ความน่าเคารพนั้นดูจะไม่สมควร ส่วนไกด์ที่พาไปก็ไม่ควรเห็นแก่ค่าทิปจนละเลยการเตือนลูกทัวร์ให้แต่งตัวให้เหมาะควรกับสถานที่ แล้วผมเห็นไกด์ชาวรัสเซียบรรยายอะไรไม่รู้ ถูกหรือผิดก็ไม่รู้เลย ทางการควรเข้มงวดกันหน่อย นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ด้วย การแต่งกายให้รู้ว่าเป็นการเข้าไปในวัด อันไหนควรไม่ควรต้องรู้ เห็นนักท่องเที่ยวทำผิดจารีตก็ต้องเตือนกัน

พังงา...เพียงแค่ในตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆ แค่นี้ ก็มีเสน่ห์ล้นเหลือแล้ว ใครไปเห็น หัวใจหล่นหลายได้ไม่ยาก ไปพังงา แล้วจะรักพังงา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น