วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ยุทธนาวีเกาะช้าง



“เกาะช้าง” เป็นเกาะใหญ่อันดับสองของประเทศ รองจาก "เกาะภูเก็ต” ด้วยระยะห่างจากกรุงเทพฯ ราว 300 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาเดินทาง 4 -5 ชั่วโมง สำหรับนักเดินทางแล้วไม่ไกลเกินเอื้อม ทั้งการเดินทางก็สะดวก มีทั้งรถโดยสารและรถตู้ วิ่งจากจุดใหญ่กลางกรุงเทพฯ อาทิเช่น หมอชิต อนุสาวรีย์ฯ ส่งถึงท่าเรือข้ามฝาก หากมาโดยรถส่วนตัวก็สามารถนำพาพาหนะคู่ใจข้ามด้วยเรือเฟอร์รี่วิ่งดิ่งตรงไปถึงเกาะโดยสะดวกไร้กังวล ทำให้เกาะช้างเป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุนด้วย
หากขึ้นจากท่าเรือเฟอร์รี่จะพบว่า กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของนักท่องเที่ยวต่าง "เลี้ยวขวา” โดยอัตโนมัติ เพื่อไปพักผ่อนและท่องเที่ยวยังหาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หรือหาดไก่แบ้ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ด้วยหาดทรายละเอียดสีขาวที่ทอดยาวขนานท้องทะเล ประกอบกับความสะดวกสบายจากโรงแรมและรีสอร์ทหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระดับบ้านๆ ไปจนถึงหรูระดับ 5 ดาว รวมถึงสารพันสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ผับ บาร์
ส่วนเส้นทางฝั่งซ้าย เป็นส่วนของตำบลเกาะช้างใต้ ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากชายหาดเต็มไปด้วยโขดหิน แม้ดูเป็นผลลบต่อการท่องเที่ยว แต่ก็กลายเป็น ”สวรรค์” ของชาวบ้านที่นี่ เพราะการที่นักท่องเที่ยวไม่กรูกันเข้ามาเหมือนเส้นทางด้านขวา ซึ่งเป็นส่วนของตำบลเกาะช้าง ที่นี่จึงเป็น "ความสงบ” ที่ชาวบ้านขอน้อมรับ และต้องการเก็บบรรยากาศที่อยู่กันแบบพี่น้องไว้ให้นานที่สุด
วันนี้ชุมชนเกาะช้างใต้ทั้ง 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1 บ้านบางเบ้า หมู่ที่ 2 บ้านสลักเพชร หมู่ที่ 3 บ้านเจ็กแบ้ หมู่ที่ 4 บ้านสลักคอก และหมู่ที่ 5 บ้านสลักเพชรเหนือ จึงรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ โดยมี ตุ้ย-สุภาพร มัตซึอิ เป็นโต้โผ ซึ่งตุ้ยเล่าว่า ตอนนี้ชาวบ้านกินอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ไม่ใช่ ”กินอาหาร 5 หมู่” ตามอักษร แต่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น เพราะมาจากการรวมตัวของชาวบ้านในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้ง 5 หมู่บ้าน จากอดีตที่ต่างคนต่างอยู่ มาจับมือกัน และมีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาวิถีชีวิตของเกาะช้างใต้ ภายใต้การทำกิจกรรมที่หลากหลายตามความถนัด
อาทิ กลุ่มอาชีพสตรีบ้านสลักเพชร กลุ่มรักบางเบ้า รักษ์สิ่งแวดล้อม คลีน แอนด์ กรีน ของตำบลบางเบ้า ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักเพชร เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
การหลอมเป็นหนึ่งเดียวของชาวบ้าน มาจากความวิตกกังวลเป็นแรงนำ ถึงการถาโถมของกระแสทุนนิยม ที่นำโดยทุนใหญ่ทั้งไทยและเทศ ซึ่งต่างเข้ามาจับจองพื้นที่ทำกิจการส่วนตัวใหญ่โต ผิดแผกไปจากวิถีชีวิตของชุมชนและธรรมชาติ โดยอาศัยซื้อที่ดินจากชาวบ้านยกผืน หรือให้ชาวบ้านจับจองทำประโยชน์ไว้ก่อน แล้วซื้อต่อภายหลัง
ความกลัวของชาวบ้านมาจากการยืนดูพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงตำบลเกาะช้าง ซึ่งมีหาดทรายขาวยาวที่ธรรมชาติมอบให้อย่างงดงามได้ถูกแปลงเป็นทุนไปเรียบร้อยแล้ว พื้นที่ฝั่งขวาของเกาะจึงกลายเป็นพัทยา 2 อย่างแยกไม่ออก
แต่เกาะช้างใต้ฝั่งซ้ายไม่รอดพ้นสายตานักพัฒนาในคราบนายทุน วันนี้เราจึงได้พบเห็นสิ่งปลูกสร้างตามแนวชายเขา และพื้นที่กลางทะเล โดยอาศัย ”อำนาจ” ที่แม้แต่หน่วยงานผู้คุมกฎยังแตะต้องไม่ได้ วันนี้ได้พบทั้งตึกสูง 5 ชั้นติดทะเล กำลังพัฒนาเป็นที่พักให้เช่าและขายนักท่องเที่ยว ห้องละหลายสิบล้านบาท มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสะพานปูนที่ทอดยาวถึงกลางทะเล หรือเรือยอร์ชนับสิบลำที่จอดกลางทะเลเช่นกัน เพื่อนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักแต่ขาดจิตสำนึกได้มาพักผ่อนหย่อนใจ หรือบ่อกุ้งกลางเกาะของเจ้าสัวที่คุมกฎ แต่น่าแปลกใจที่อาหารทะเลจานโปรดซึ่งจัดรองรับนักท่องเที่ยว ยังมาจากผืนทะเลเดิม เรือประมงลำเดิมของชาวบ้านคนเดิม ส่วนราคาอาหารทะเลที่รับซื้อจากชาวบ้านปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย
ปรากฎการณ์ที่สวนทางกันนี่เอง พบเห็นเป็นพื้นฐานของระบบทุนนิยมโดยแท้ ที่กดราคาต้นทุนขั้นต้นไว้ แต่ถีบราคาห้องพัก และอาหารสูงลิบลิ่ว
สัตว์ทะเลที่หาได้น้อยลงนั้น มาจากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติถูกรบกวนจากสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำของกลุ่มนายทุนต่างๆ ชูวิช พานิชสุโข หรือ จู้ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ฯ และกสิณรัช ถังไชย หรือ ฟลุ๊ค แกนนำเครือข่าย ผลัดกันเล่าว่า ตอนนี้พื้นที่ทำประมงของชาวบ้านรายเล็กๆ ถูกจำกัดลงไปมาก เนื่องจากการกันพื้นที่ของนายทุนที่ครอบครองทำประโยชน์ริมทะเล สร้างสะพาน ที่จอดเรือออกมากลางทะเล ซึ่งก่อนนี้เป็นบริเวณหากุ้ง หอย ปู ปลาของชาวบ้านมาก่อน
แต่วันนี้หากชาวบ้านจะไปเข้าใกล้ก็ถูกไล่ออกมา ซึ่งชาวบ้านไม่รู้เลยว่า นายทุนเจ้าของที่ริมทะเลมีสิทธิที่จะทำอย่างนั้นได้จริงหรือไม่ และอาณาเขตของพื้นที่สาธารณะที่ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันเหลือแค่ไหนแล้ว
หรือแม้แต่พื้นที่ประวัติศาสตร์ ”ยุทธนาวีเกาะช้าง” ที่เกิดขึ้นบริเวณด้านใต้ของเกาะช้าง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 ซึ่งถือเป็นการรบทางทะเลครั้งเดียวในประวัติศาสตร์กองทัพเรือไทย และรัฐบาลฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก็พบว่า ”อนุสรณ์สถานของทหารกล้า 30 ชีวิต” ที่สละชีพเพื่อปกป้องเกาะช้าง กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์สำหรับสาธารณชนได้อย่างสมเกียรติ
ชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้มีข้อพิพาทระหว่างผู้อ้างกรรมสิทธิ์เจ้าของลัทธิใหญ่ที่กำลังมีข้อพิพาทกับชาวบ้านหลายพื้นที่ รวมถึงเกาะช้างใต้แห่งนี้ด้วย ทำให้บริเวณทางเข้าออกและโดยรอบรกร้าง นักท่องเที่ยวแทบไม่รู้จัก มีกิจวัตรประจำเพียงการวางพวงมาลาทุกวันที่ 17 มกราคม ของทุกปีเพื่อรำลึกถึงทหารกล้าและพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เท่านั้น โดยทางการไปให้ความสำคัญกับอนุสรณ์สถานแหลมงอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นำเรือรบไปขึ้นฝั่งเท่านั้น ไม่ใช่พื้นที่สู้รบ ไม่ใช่พื้นที่ที่พิพาท ไม่ใช่พื้นที่ที่ร่างไร้วิญญาณของทหารกล้ามาอยู่รวมกัน
แกนนำเครือข่ายอนุรักษ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านรับรู้มาตลอดว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ต่อมามีนายทุนอ้างสิทธิ์ ชาวบ้านไม่ยอมจึงเป็นข้อพิพาทกันอยู่ ทำอะไรในพื้นที่นี้ไม่ได้ ชาวบ้านยังบอกว่า น่าแปลกที่กองทัพเรือไม่ออกมาร่วมมือกับชาวบ้าน เพื่อเรียกร้องให้นำพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สาธารณะอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่ายกย่องของทหารเรือผู้กล้า
นอกจากปัญหานายทุนบุกเข้ามาอย่างไม่สนใจวิถีของชาวบ้านแล้ว สิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามาคือการท่องเที่ยวอย่างไร้จิตสำนึกด้วย ดังนั้นนอกจากงานเฝ้าสังเกตและติดตามการเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิดแล้ว เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเกาะช้างใต้ ยังมีงานที่ต้องทำให้เป็นรูปธรรม คือการวางรูปแบบการท่องเที่ยวที่เกาะช้างใต้สอดประสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเข้าไปด้วย งานนี้นับเป็นความหวังของชาวบ้านที่อยู่ในกำมือคนรุ่นใหม่โดยชาวบ้านวางตัวให้เป็นผู้นำรุ่นสอง
“ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักเพชร” จึงก่อตัวขึ้นจากคนหนุ่มสาวของเกาะช้างใต้ที่รักบ้านเกิด ทำกิจกรรมอนุรักษ์ไปพร้อมกับจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีทั้งธนาคารปูและบ้านปลา เพื่อให้ชาวบ้านนำปูและปลาที่จับได้บางส่วน มาปล่อยเป็นพ่อแม่พันธุ์เป็นส่วนรวม สำหรับขยายพันธุ์ต่อไป
นอกจากนี้ยังมีชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เช่นเดียวกัน จุดเด่นที่ได้รับความนิยมในเวลานี้ คือ การพานักท่องเที่ยวนั่งเรือมาตร หรือเรือแจวขนาด 4 คนนั่ง ที่มีโต๊ะกลาง สำหรับจัดแพ็คเกจให้นักท่องเที่ยวรับประทานอาหาร พร้อมกับชมป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ของเกาะช้างใต้ รวมถึงการพายเรือคายัค
พัชรินทร์ ผลกาจ บอกว่า การมาท่องเที่ยวที่สลักคอกนั้นจะคัดเลือกนักท่องเที่ยวและจำกัดคนมาพัก เพราะที่นี่เป็นท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ซึ่งหมายถึงมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ดังนั้นหากมีนักท่องเที่ยวติดต่อเข้ามา และพูดคุยแล้วไม่ได้มาด้วยวัตถุประสงค์นี้ เราจะปฏิเสธตั้งแต่แรก
กิจกรรมท่องเที่ยวไม่พอ การชอปปิงของพื้นถิ่นก็ขาดไม่ได้สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และยังสร้างรายได้ให้ชาวบ้านอีกด้วย ชาวเกาะช้างใต้จึงรวมตัวเป็นกลุ่มผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ทำจากวัสดุในท้องถิ่น
จรรยา กิตติวิระจะวงษ์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น บอกว่า ชาวบ้านเกาะช้างใต้มีบทเรียนจากตำบลเกาะช้างมาแล้วที่มีแต่ด้านเสีย คนภายนอกต่างมองเป็นพัทยาไปแล้ว มีทั้งปัญหาขยะ น้ำเสีย และเกาะช้างใต้กำลังจะเดินตามในไม่ช้า ชาวบ้านจึงรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ สร้างอาชีพ เสริมรายได้ จัดการท่องเที่ยวครบวงจร เพื่อให้ที่นี่เป็นรูปแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่นเท่านั้น
ด้าน ป้าแหงว-จินตนา ศรีบุญจิตร ผู้นำชาวบ้าน และประธานโครงการรักษ์ป่าสร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง ซึ่งมีรีสอร์ทเล็กๆ บนเกาะช้างใต้ บอกว่า ที่รีสอร์ทมักจะเป็นที่รวมตัวของชาวบ้านเวลาทำกิจกรรม หรือต้องมาพบปะพูดคุยกัน และที่นี่เป็นบ้านพักที่มีคนมาเยี่ยมเยียนบ่อยครั้งไม่เคยขาดสายทั้งไทยและต่างชาติ เคยถามคนที่มาพักบางคนมา 6-7 ครั้ง เพราะชอบสภาพแวดล้อมที่ฝั่งเกาะช้างใต้ที่ยังเป็นวิถีชาวบ้านที่เขาต้องการเห็น และชอบอาหารการกิน เพราะอร่อยกว่าและถูกกว่าฝั่งเกาะช้างนอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของผลิตภัณฑ์ของกลุ่มชาวบ้านที่มาฝากขาย ป้าแหงว บอกว่า ที่ขายดีเห็นจะเห็นเป็นสบู่ถ่าน
"จะพิถีพิถันกับการคัดเลือกถ่านสำหรับการใช้งาน หากเป็นถ่านที่จะนำมาผลิตเป็นสบู่ก็จะต้องเป็นถ่านไม้ไผ่ที่มีประจุลบเท่านั้น เพราะตามที่ได้อบรมมาจะช่วยต้านอนุมูลอิสระได้จริง ดังนั้นก่อนที่จะนำมาเป็นส่วนผสมของสบู่จะผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียด นอกจากถ่านจะทำรายได้ให้แล้ว การทำงานอยู่กับบ้าน ยังทำให้มีเวลาดูแลแม่ที่กำลังป่วย และด้วยความที่ขายดีก็ปลูกฝังให้ลูกหลานมาทำอาชีพนี้ด้วย" ติ๊ก-สุภาพ พงษ์เกิดลาภ ประธานกลุ่มเผาถ่าน ขยายความ
ขณะที่อีกผลิตภัณฑ์ที่ขายดีของเกาะช้างใต้ก็คือ กะปิเคยน้ำลึก ซึ่ง หลง-ศิรินาถ คงบำณุ กลุ่มแปรรูปอาหาร บอกว่า กะปิ ปลาหมึกตากแห้ง ขายดีมาก อย่างกะปินั้น รับรองคุณสมบัติว่าเป็นเคยน้ำลึกที่รสชาติและความสะอาดดีกว่าเคยน้ำตื้น แต่ละเดือนกลุ่มจะได้รายได้มาเข้าหลักหมื่นบาท
ดูเหมือน 5 ตำบลของเกาะช้างใต้จะเดินไปได้ดีอย่างมั่นคงภายใต้เศรษฐกิจระดับชุมชน มีเพียง "บางเบ้า” เท่านั้น ที่สุ่มเสี่ยงเข้าใกล้ถูกพัฒนาเหมือนฝั่งเกาะช้าง เพราะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก เพื่อต่อเรือทำกิจกรรมต่างๆ ร้านอาหารและร้านค้าจึงมีมากตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็เป็นหมู่บ้านที่มีผืนดินน้อยกว่าหมู่อื่น ทำให้ได้เห็นที่พักหรูตั้งรุกล้ำทะเลปะทะสายตาหลายจุด
เมื่อการรวมกลุ่มของชาวบ้านได้ดึง "บางเบ้า" เข้าไปด้วย ชาวบ้านจึงรวมตัวเป็นกลุ่ม "คลีน แอนด์ กรีน" กิจกรรมหลักเพื่อดูแลคุณภาพน้ำ โดยที่ผ่านมาได้รวมตัวกันทำอีเอ็มบอลแก้ปัญหาน้ำเสีย เพราะที่นี่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ทำให้ทุกบ้าน ทุกที่พักปล่อยน้ำลงทะเลทั้งหมด ก่อนหน้านี้จึงเกิดสภาพน้ำเน่าเหม็นและส่งกลิ่นแรง เมื่อชาวบ้านรวมตัวทำอีเอ็มบอลแก้ปัญหา น้ำก็เริ่มใสขึ้นและกลิ่นได้หายไป
"สิ่งที่ยังแก้ไม่ตกก็คือปัญหาขยะ โดยปกติจะต้องขนไปกองรวมกันที่บ่อขยะที่คลองพร้าว ซึ่งเป็นบ่อขยะเดียวของเกาะช้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มีองค์ความรู้จะนำขยะไปทำให้เกิดประโยชน์ เพื่อลดปริมาณขยะบนเกาะ" ตุ้ย-สุภาพร ซึ่งมีร้านกาแฟที่บางเบ้า บอก
ดูเหมือนว่า คนรุ่นปัจจุบันของเกาะช้างใต้กำลังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพื้นถิ่นให้รอดพ้นจากการพัฒนาภายใต้อุ้งมือนายทุน ซึ่งลูกหลานชาวเกาะช้างอย่างติ๊ก ตบท้ายว่า
"คนรุ่นเรามั่นใจว่าจะไม่ขายที่ดินให้นายทุนและปกป้องบ้านของเราได้ แต่ไม่มั่นใจลูกหลานว่าจะต้านทานกระแสได้ อย่างไรก็ตามเมื่อยังเป็นเวลาของคนรุ่นเรา สิ่งที่ยังทำได้ในเวลานี้คือ ปลูกฝังคนรุ่นลูกหลานให้สืบทอด และส่งต่อเจตนารมณ์ของคนรุ่นก่อนให้ดีที่สุด"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น