ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์และศิลปะว่าเอาไว้อย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องจริงเพราะไวน์หลายยี่ห้อทั่วโลก นอกจากเจ้าของจะผลิตแบบศิลปินแล้ว ฉลากของไวน์ยังได้รับการออกแบบด้วยศิลปินระดับโลกมากมาย
ประเดิมปีใหม่ 2554 ด้วยความคลาสสิกของ “ไวน์และศิลปะ” ที่ร้าน Meevasana Wine & Art Gallery เป็นร้านที่ชื่อแปลกและเชื่อว่าหลายคนคงจะอ่านออกเสียงกันต่าง ๆ นานา และเจ้าของร้านตอบกันแทบไม่หวาดไม่ไหว เขาอ่านว่า มีวาซาน่า ไวน์ แอนด์ อาร์ท แกลละรี แต่ผู้เขียนชอบอ่านว่า มีวาสนา มากกว่า ได้ความหมายดี...ต้องวาสนา จึงได้เจอไวน์ดี ๆ คนดี ๆ อาหารดี ๆ และศิลปะที่งดงาม ...
“มีวาซาน่า ไวน์ แอนด์ อาร์ท แกลละรี” อยู่ติดถนนเอกมัย เป็นร้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ด้วยการนำศิลปะมาเป็นส่วนสำคัญในการตกแต่งร้าน ผสมผสานกับไวน์จากแหล่งผลิตไวน์ชั้นนำของโลกนับพันยี่ห้อ โดยเฉพาะไวน์ที่ทางร้านนำเข้าเองนับร้อยยี่ห้อ และหลายยี่ห้อหาไม่ได้ในเมืองไทย ไวน์พวกนี้คัดเลือกโดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ของเมืองไทย
นอกจากไวน์นานาชนิดดังกล่าวแล้ว ยังมีอาหารตาให้อิ่มเอม นั่นคือสามารถชื่นชมผลงานศิลปะนานาชนิด ของศิลปินชั้นนำระดับประเทศที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็อิ่มท้องกับเมนูอาหารนานาชนิดเช่นกัน ซึ่งสามารถจับคู่กับไวน์ได้หลากหลาย โดยเมนูอาหารนี้จะปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้จำเจ
คนรักไวน์ควรแวะไปอย่างยิ่งยวด จะสั่งกลับบ้านก็ได้ หรือดื่มในร้านก็ยิ่งดีเพราะจะได้พบปะแลกเปลี่ยนทัศนะด้านต่าง ๆ กับศิลปินและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ชั้นนำของเมืองไทย การดื่มไวน์กับคนที่รู้เรื่องไวน์ หรือมีความสนใจจะเรียนรู้เรื่องไวน์ ก็มีความสำคัญ และช่วยทำให้ไวน์มีรสชาติขึ้น ไวน์เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกับ ต้องวิพากษ์ วิจารณ์ วิเคราะห์ นำไปสู่การค้นคว้าสืบเสาะ
เจ้าของร้านบอกว่า ที่ทำร้านในลักษณะนี้เสี่ยงมาก ๆ แต่ด้วยหัวใจรักคือรักทั้งไวน์และรักงานศิลปะ ทำให้มีความสุขที่เห็นคนที่เข้ามาดื่มไวน์ด้วยความสุนทรีย์ และดื่มด่ำกับงานศิลปะในร้านอย่างมีความสุข คุยถูกใจลดแหลกแจกแถมเป็นพิเศษอีกต่างหาก
"Meevasana" Wine & Art Gallery นำเข้าไวน์จากหลายประเทศ เช่นฝรั่งเศส อิตาลี และชิลี โดยเฉพาะย่างยิ่งไวน์ฝรั่งเศสมีเยอะมาก และหลายยี่ห้อมาจากเขตเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครนำเข้า บางยี่ห้อมาจากเขตใหญ่แต่เป็นไร่แบบบูติค ซึ่งคุณภาพดีมาก ตัวอย่างไวน์ที่ผมได้ชิมเช่น
ดอแมน ดูโคลซ์, ชาโตเนิฟ ดู ป๊าป 2006 (Domaine Duclaux,Chateauneuf du Pape, 2006) เจ้าของคือตระกูล Quiot ที่ก่อตั้งไร่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1748 เก่าแก่มากใน AOC Chateauneuf du Pape ทายาทที่ดูแลในปัจจุบันคือ Jerome Quiot ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ไวน์ถึง 6 แห่ง โดยชาโตเนิฟ ดู ป๊าป เป็น AOC อยู่ในเขตโฮรนใต้ (Southern Rhone Valley) สมัยก่อนทำไวน์แดงโดยใช้องุ่น 13 พันธุ์ ปัจจุบันมีไม่กี่บริษัทที่ใช้ ส่วนใหญ่เหลือเพียง 4-6 พันธุ์ Domaine Duclaux เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นที่ใช้องุ่น 13 พันธุ์ เช่นเดียวตัวนี้
โดยใช้เกรนแอช (Grenache) และมูร์แวดร์ (Mourvedre) มากที่สุด หมักและบ่มผสมผสานกันในถังซีเมนต์ สเตนเลส และถังไม้โอ๊ค สีแดงเข้ม หอมกลิ่นเบอร์รี เชอร์รี หนังสัตว์ อบเชย และชะเอมเทศ เป็นชาโตเนิฟ ดู ป๊าป ที่คลาสสิกตัวหนึ่งในตลาดเมืองไทย
ชาโต เดอ โฟลแฌเกส์, โกโตซ์ ดู ลังดอก 2003 (Chateau de Flaugergues, Coteaux du Languedoc, 2003) โดย Coteaux หมายถึงเนินเขาที่เต็มไปด้วยไร่องุ่น Coteaux du Languedoc เป็น 1 ใน 5 AOC ชื่อดังของแคล้นลังดอก และเป็นหนึ่งใน AOC ขนาดใหญ่ของฝรั่งเศส อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นชาโตที่เก่าแก่ก่อตั้งมากว่า 300 ปี อยู่ใกล้ ๆ มงต์เปลิเยร์ ตัวนี้เป็นรุ่น “Constance” และมาจากไร่ La Majanelle ซึ่งเป็น 1 ใน 12 พื้นที่ที่มีดินฟ้าอากาศดีเยี่ยมของ Coteaux du Languedoc เป็นขวดแม็กนั่ม (1.5 ลิตร) ทำจากเกรนแอช, ซีราห์ และมูร์แวดร์ สีแดงค่อนข้างเข้ม และกำลังพร้อมดื่ม ฟรุตตี้เป็นแบบโลกใหม่แต่ไม่จัดจ้าน มีกลิ่นพลัม เบอร์รี มะเดื่อสุก โอ๊คกรุ่น ๆ สไปซี่นิด ๆ จบปานกลางด้วยผลไม้สุก
ชาโต กางติโนต์, เปรอะมิเยร์ โก๊ต เดอ บลาย 2006 (Chateau Cantinot, Premieres Cotes de Blaye 2006) เป็นไวน์จาก AOC Premieres Cotes de Blaye ซึ่งหายากในเมืองไทย อยู่ทางเหนือของเมืองบอร์กโดซ์ 32 กม. ฝั่งขวาของแม่น้ำฌีฮรอง (Gironde) ซึ่งหลังจากวินเทจ 2009 เป็นต้นไปไวน์จากเขตนี้จะต้องใช้ AOC เป็น Cotes de Bordeaux Blaye ตัวนี้ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 50% กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 35% และกาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) 10% บ่มโอ๊คฝรั่งเศส 12 เดือน .....สีแดงเข้ม กลิ่นบลูเบอร์รี เชอร์รี เคอร์แรนท์ พลัม ควันไฟ ดิน สมุนไพรสด ๆ และสไปซี่พริกไทย ฟูลบอดี้ แทนนินปานกลาง จบด้วยพลัมสุก น่าจะอร่อยหลังปีนี้เป็นต้นไป...เป็นชาโตที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งที่มีขายในเมืองไทย
นอกจากนั้นยังมีตัวคูเว่ชื่อ เลส์ ตูร์ เดอ กางติโนต์,เปรอะมิเยร์ โก๊ต เดอ บลาย (Les Tours de Cantinot, Premieres Cotes de Blaye) ซึ่งคุณภาพยอดเยี่ยมมาก
ดอแมน เรส์ซาค, แตร์รา แองกอญีตา 2008 (Domaine Raissac,Terra Incognita 2008) ตระกูล Viennet ก่อตั้งไร่นี้เมื่อปี 1837 ณ เนินเขาริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางใต้ของฝรั่งเศส ผู้บริหารปัจจุบันเป็นทายาทรุ่นที่ 6 คือ Gustave-Marie Viennet มีพื้นที่ปลูกองุ่น 86 เฮกตาร์...ตัวนี้เป็นไวน์เกรดแวง เดอ เปย์ ดอก (Vin de Pays D’Oc) ที่ทำจากองุ่นซีราห์ (Syrah) 50% และเกรนแอช (Grenache) 50% ไวน์สีแดงสดใส มีกลิ่นผลไม้สุกเช่น เบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และแบล็คเคอร์แรนท์ สไปซี่นิด ๆ แทนนินนุ่ม ๆ จบปานกลางด้วยชะเอมเทศชุ่ม ๆ คอ เป็นไวน์สไตล์ดื่มง่าย ๆ ผลไม้สุกหอมหวาน
ดอแมน เรส์ซาค, กุสตาฟ ฟาเยต์, คูเว่ 2007 (Domaine Raissac, Gustave Fayet, Cuvee 2007) เจ้าของเดียวกับตัวที่แล้วคือตระกูล Viennet แต่ตัวนี้ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) และแมร์โลต์ (Merlot) ในอัตรา 70-30% บ่มโอ๊คฝรั่งเศส 12 เดือน สีแดงเข้มออกม่วงนิด ๆ รสชาติหนักแน่น มีกลิ่นผลไม้เปลือกดำ เช่น แบล็คเบอร์รี พลัม และแบล็คเคอร์แรนท์ รวมทั้งขนมปังปิ้ง วานิลลา และช็อกโกแลต จบค่อนข้างยาวด้วยชะเอมเทศและใบยาสูบ ...เป็นไวน์แวง เดอ เปย์ ดอก (Vin de Pays D’Oc) ที่คุณภาพเหลือเชื่อและเกินราคา ในเมืองไทยหาไม่ได้ง่าย ๆ
ชาโต มูแลง ดู กาเดต์, แซง เตมิยอง กรองด์ กรู คลาสเซ 2005 (Chateau Moulin du Cadet,Saint Emilion Grand Cru Classe 2005) เป็น 1 ในไวน์ Saint Emilion Grand Cru Classe ที่น่าสนใจมาก ก่อตั้งเมื่อปี 1867 มีพื้นที่ปลูกองุ่น 5 เฮกตาร์ (ประมาณ 35 ไร่) ทำไวน์แบบไบโอไดนามิก (Biodynamic) คือไม่ใช้สารเคมี และวินเทจ 2005 นี้ก็เป็นวินเทจแรกที่ได้รับการรับรอง (Biodyvin Ecocert certificate) จากทางการว่าเป็นไร่ที่ไม่ใช้สารเคมี 100% ที่สำคัญวินเทจ 2005 เป็นวินเทจยอดเยี่ยมรองจาก 2000
ตัวนี้ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 100% อายุองุ่นประมาณ 35 ปี บ่มในถังซีเมนต์ประมาณ 2-4 สัปดาห์ จากนั้นถ่ายไปบ่มในถังโอ๊คฝรั่งเศส 12-18 เดือน (50% เป็นโอ๊คใหม่) ตกตะกอนด้วยไข่ขาว และบรรจุขวดโดยไม่มีการกรอง (unfilter) ทำให้ได้รสชาติแท้ ๆ ของไวน์... สีแดงค่อนข้างเข้ม ไวน์เพิ่งเริ่มเปิดยังไม่แสดงตัวเต็มที่ อีกประมาณ 2-3 ปี จะดีกว่านี้ มีกลิ่นพลัม เบอร์รี ราสพ์เบอร์รี ไม้ซีดาร์ ม็อคคา แทนนินปานกลาง จบด้วยขนมทาร์ตหอมหวาน
นอกจากนั้นยังมีไวน์ชิลี เช่น Bali, Pinot Noir, Casablanca Valley, Chile 2007 เป็นปิโนต์ นัวร์ ที่ดื่มง่าย ๆ ฟรุตตี้สูง หอมกลิ่นเชอร์รี สตรอว์เบอร์รี ยูคาลิป และใบไม้แห้งเปียกน้ำ ส่วนอีกตัวเป็นไวน์ขาว Albama, William Cole Vineyards, Sauvignon Blanc, Casablanca Valley, Chile, 2010 เป็นโซวีญยอง บลัง ที่หอมกลิ่นฝรั่งสุก มะม่วงสุก หญ้าสด แอสิดดีมาก ดื่มแล้วสดชื่น
ส่วนท่านที่ชอบไวน์ประเภทกรองด์ กรู ชั้นสูง ก็มีให้เลือกมากมาย ล่าสุดที่ผมได้ชิมคือชาโต ตรอตานอย, ปอเมอโฮรล 2005 (Chateau Trotanoy, Pomerol 2005) เป็นไวน์ใน AOC Pomerol อยู่ห่างจากชาโต เปตรุส (Ch.Petrus) ไวน์แดงแพงเป็นเบอร์สองของโลกเพียง 1 กม.ทำจากแมร์โลต์ 85% กาแบร์เนต์ ฟรอง 15% อายุประมาณ 35 ปี ผลิตเพียงปีละ 3,500 หีบ ...วินเทจ 2005 ยอดเยี่ยมมาก ไวน์ยังไม่เปิดนัก และน่าจะพร้อมดื่มในอีกประมาณ 5-6 ปีข้างหน้า
ชาโต ลาตูร์, ปูญาค 1993 (Chateau Latour,Pauillac 1993) 1 ใน 5 ไวน์ทหารเสือของบัญชีเมดอก 1855 (1855 Medoc Classification) ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง และแมร์โลต์ ในอัตรา 85-15 % สีแดงเข้ม กลิ่นแบล็คเคอร์แรนท์ เบอร์รี ถั่ว ซีดาร์ คาราเมล โอ๊คนุ่มนวล แทนนินนุ่มเนียน ฟูลบอดี้ แอสิดดีมาก จบยาวด้วยผลไม้สุก ๆ
นั่นคือไวน์ส่วนหนึ่งที่ผมได้ชิม อย่างที่บอกคือเขามีไวน์ให้เลือกเยอะแยะ ทั้งที่นำเข้าเองและสั่งจากผู้นำเข้ารายอื่น ๆ ในเมืองไทย
นั่นคือไวน์ส่วนหนึ่งที่ผมได้ชิม อย่างที่บอกคือเขามีไวน์ให้เลือกเยอะแยะ ทั้งที่นำเข้าเองและสั่งจากผู้นำเข้ารายอื่น ๆ ในเมืองไทย
“Meevasana” Wine & Art Gallery อยู่ติดถนนเอกมัย (สุขุมวิท 63) ใกล้แยกไฟแดงซอยเอกมัย 12 ถ้ามาจากทางสุขุมวิท เจอแยกไฟแดงซอยเอกมัย 12 เลี้ยวขวาไป 100 เมตรจอดรถที่เอกมัย คอร์ท ถ้ามาจากทางซอยทองหล่อ 10 ก็จะมาทะลุเอกมัย 12 พอดี ถ้ามาจากเพชรบุรีตัดใหม่จะผ่านหน้าร้านก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าเอกมัย 12 ไปจอดรถในที่ดังกล่าว เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 - 01.00 น. โทร.02-714-0077
ติดต่อร้านไม่ได้เลย
ตอบลบ